รู้ไว้ ไข้หวัดใหญ่ วิธีสังเกตอาการและดูแลตัวเองเมื่อป่วย

253

ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) มักจะเกิดขึ้นและมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอหรือจาม การรู้จักวิธีสังเกตอาการและการดูแลตัวเองเมื่อป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคและช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น

อาการของไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่มักมีอาการที่รุนแรงกว่าหวัดธรรมดา โดยมีอาการเด่นที่สามารถสังเกตได้ง่าย ดังนี้

  1. มีไข้สูง ผู้ป่วยมักมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
  2. ปวดหัวอย่างรุนแรงอาการปวดหัวมักมาอย่างเฉียบพลันและรุนแรง
  3. ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ อาการปวดจะรู้สึกได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่หลังและขา
  4. อ่อนเพลียและไม่มีแรง ผู้ป่วยจะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมากจนทำกิจวัตรประจำวันได้ยาก
  5. ไอแห้ง อาการไอมักจะเป็นแบบไอแห้ง ไม่มีเสมหะ แต่บางกรณีอาจไอแบบมีเสมหะได้
  6. คัดจมูกและเจ็บคออาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะรุนแรงกว่า
  7. หนาวสั่น  มีอาการหนาวสั่นอย่างรุนแรงร่วมกับไข้สูง

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

หากมีอาการรุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้นในระยะเวลา 48 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่า เช่น ปอดอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ

ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่ธรรมดา และ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

ไข้หวัดใหญ่ธรรมดา

เป็นการติดเชื้อจากเชื้อไวรัสหลายชนิด เช่น ไรโนไวรัส หรือโคโรนาไวรัส (บางสายพันธุ์) อาการมักไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำ ไอเล็กน้อย คัดจมูก เจ็บคอ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A (Influenza A) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการระบาดใหญ่ได้ อาการจะรุนแรงกว่าหวัดธรรมดา มีไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม สามารถติดต่อได้ง่ายและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่

หากพบว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวมีอาการของไข้หวัดใหญ่ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องสามารถช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส
  2. ดื่มน้ำให้มากขึ้น การดื่มน้ำในปริมาณมากจะช่วยให้ร่างกายคงความชุ่มชื้น ลดอาการเจ็บคอ และช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
  3. รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หากอาการรุนแรงหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง แพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการ
  4. หลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อ ควรแยกตัวออกจากผู้อื่นและหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หรือผ้าเช็ดตัว และควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ผู้อื่น
  5. รักษาความสะอาด หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

แผ่นแปะตัวช่วยลดไข้ ช้อปสะดวก ที่ ALL ONLINE

  • Kool Fever เจลลดไข้สำหรับผู้ใหญ่ กล่อง 3 ซอง  ช้อปเลย!
  • Kool Fever เอ็กซ์ตร้าคูลแผ่นเจลลดไข้ กล่อง 3 ซอง (6แผ่น) ช้อปเลย!
  • Kool Fever มิ้นต์แผ่นเจลลดไข้สำหรับเด็ก กล่อง 3 ซอง (6แผ่น) ช้อปเลย!
  • นาโนเมด เจลลดไข้สำหรับเด็ก คูลคิดส์ กล่อง 3ซอง (2ชิ้น/ซอง) ช้อปเลย!
  • นาโนเมด เจลลดไข้คูลเทมป์ กล่อง 3ซอง (2ชิ้น/ซอง) ช้อปเลย!
  • นาโนเมด เจลให้ความเย็นคูลคิดส์เอ็กซ์ตร้าคูลกล่อง 3ซอง (2ชิ้น/ซอง)ช้อปเลย

วิธีป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่

เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ควรฉีดวัคซีนทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง และมีอาการที่รุนแรงกว่าหวัดธรรมดา การสังเกตอาการและการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงเพื่อช่วยให้หายเร็วขึ้น แต่ยังช่วยลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นอีกด้วย หากมีอาการรุนแรงควรรีบพบแพทย์ และเพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคต การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดความเสี่ยง

การดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกต้องจะช่วยลดการแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่ได้มากขึ้น ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการและป้องกันอย่างเหมาะสมในช่วงที่มีการระบาดของโรค สามารถเลือกช้อปสินค้าเพื่อสุขภาพ ราคาสุดคุ้ม ช้อปออนไลน์กันได้ที่ ALL ONLINE