พิธีรดน้ำสังข์ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร

243

“พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร” หรือ “พิธีรดน้ำสังข์” เป็นประเพณีแต่งงานของไทย ที่คนไทยภาคกลางให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเชื่อกันว่า การที่บ่าวสาวได้รับคำอวยพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่ จะทำให้คู่บ่าวสาวครองคู่กันยาวนาน ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร และมีชีวิตแต่งงานที่ราบรื่น อีกทั้งยังเชื่อว่าที่ “พิธีรดน้ำสังข์” เป็นพิธีมหามงคล มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะในสมัยโบราณ “หอยสังข์” นับเป็นของอุดมมงคลสูง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร และสังข์ยังเป็นอาวุธหนึ่งในสีพระหัตถ์ของพระนารายณ์ มหาเทพผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง การรดน้ำที่ออกจากสังข์จึงเปรียบเสมือนการได้รับพรจากทวยเทพด้วยนั้นเอง

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในพิธีรดน้ำสังข์

สังข์รดน้ำ :สังข์ที่จะนำมาใช้ในพิธีแต่งงานต้องมีสีขาวและมีลักษณะมงคล กล่าวโดยปกติแล้ว หอยสังข์จะมีเปลือกเวียนทางซ้าย (อุตราวรรต) ตามเข็มนาฬิกา แต่มีบางตัวที่เวียนไปทางด้านขวา (ทักษิณาวรรต) ซึ่งพบได้น้อยมาก ซึ่งหอยลักษณะนี้ตามคติของศาสนาฮินดูจะถือเป็นมงคล

น้ำ : เป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็น เป็นปึกแผ่น ไม่มีการแตกแยก หล่อเลี้ยงชีวิต น้ำที่จะใช้ในพิธีแต่งงานจึงต้องเป็นน้ำที่ใสสะอาด อาจโรดด้วยดอกไม้เพื่อให้มีกลิ่นหอมด้วยก็ได้

มาลัยบ่าวสาว  : ผู้ที่มาคล้องมาลัยให้แก่บ่าวสาวจะต้องเป็นบุคคลที่ครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย เคารพนับถือ มาลัยเหมือนเป็นการให้เกียรติ และร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวนั้นเอง โดยมีความเชื่อว่าบ่าวสาวที่ใช้มาลัยบ่าวสาวคู่เดียวกันคล้องคอทั้งพิธีแต่งงานช่วงเช้าและงานฉลองมงคลสมรสจะทำให้คู่บ่าวสาวใช้ชีวิตร่วมกันอย่างราบรื่น ไม่มีการเลิกราหรือเปลี่ยนคู่

มงคลแฝด : หรือ “มงคลจักร” เป็นด้ายมงคลแฝดสำหรับสวมศีรษะให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวในพิธีรดน้ำสังข์ เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคล รวมทั้งเป็นการเชื่องโยงให้คู่บ่าวสาวกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

แป้งเจิม : ใช้สำหรับผู้เจิมหน้าให้แก่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวตามธรรมเนียมประเพณีแต่งงานแบบไทย

ชุดตั่งรดน้ำสังข์ : จะประกอบด้วย เก้าอี้นั่ง 2 ตัว, โต๊ะวางพานรับน้ำสังข์ 2 ตัว, โต๊ะวางมือ 2 ตัวและโต๊ะวางอุปกรณ์ 1 ตัว โดยเจ้าบ่าวจะนั่งขวามือของเจ้าสาวและมีอุปกรณ์รดน้ำตั้งอยู่ด้านข้างขวามือเจ้าบ่าว และมีเพื่อนเจ้าสาวคอยส่งหอยสังข์ให้แขกรดน้ำบ่าวสาว

หมอนรองแขน : หมอนสำหรับรองแขนและมือของบ่าวสาวขณะทำพิธีรดน้ำ เพื่อไม่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต้องยืนมือมารับน้ำสังข์รู้สึกเมื่อย

พานรับน้ำสังข์  : เป็นพานที่จะรับน้ำสังข์ที่ไหลจากมือบ่าวสาวลงสู่พื้น ในงานแต่งงานจึงจำเป็นต้องมีพานรับน้ำสังข์ไม่ให้เปียกพื้น โดยจะเป็นพานพุ่มดอกไม้หรือพานที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม เข้ากับฉากหลัง

ของชำร่วย : ไว้แจกให้แขกที่มารดน้ำให้แก่บ่าวสาวในวันแต่งงานหลังจบพิธี

ขั้นตอนการทำพิธี

เมื่อถึงฤกษ์ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร หรือ “พิธีรดน้ำสังข์” คู่บ่าวสาวจะบูชาพระรัตนตรัยและนั่งที่ตั่งสำหรับรดน้ำสังข์ ยื่นมือ 2 ข้าง ประนมมือไปยังพานรับน้ำสังข์ที่รองอยู่ จากนั้นผู้ใหญ่ที่ครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายเคารพจะเป็นผู้คล้องพวงมาลัยให้แก่คู่บ่าวสาว และผู้ใหญ่จะสวมมงคลแฝดให้ที่ศีรษะเจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมกับเจิมหน้าผาก 3 จุด แล้วรับน้ำสังข์จากเพื่อนเจ้าสาว มารดน้ำและอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาว เมื่อรดน้ำสังข์เสร็จแล้ว ผู้ใหญ่ถอดมงคลแฝด แล้วมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ โดยมีความเชื่อกันว่า หากคู่บ่าวสาวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลุกขึ้นยืนก่อน ว่ากันว่าผู้นั้นจะเป็นใหญ่ในครอบครัว จึงมักให้คู่บ่าวสาวช่วยกันประคับประคองกันลุกขึ้น ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล
หอยสังข์ ถือว่าเป็นสิ่งมงคลทั้งในศาสนาพุทธและทางฮินดู ด้วยเชื่อว่าเปลือกหอยสังข์เป็นของวิเศษ นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลมากมาย สามารถป้องกันภูติผีปิศาจ ป้องกันอัคคีภัย และสิ่งอัปมงคลต่างๆ ได้ ในศาสนาฮินดู ถือว่าเปลือกหอยสังข์นั้นเป็นสิ่งมงคล เพราะสังข์นั้นได้กลืนเอาคัมภีร์พระเวทลงไปในท้อง อีกทั้งตรงปากสังข์ยังมีรอยพระหัตถ์ของพระวิษณุประทับอยู่ตรงนั้นอีกด้วย อันถือว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง เมื่อใครจะทำการมงคลใดก็ให้นำน้ำใส่ลงไปในสังข์แล้วเทออกมารดถือว่าเป็นมงคลยิ่ง อีกทั้งถ้านำสังข์มาเป่าให้เป็นเสียงดัง

เสียงของสังข์นั้นก็จะดังคล้ายเสียง “โอม” ซึ่งเป็นพยางค์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู เสียงของสังข์นั้นจะก่อให้เกิดมงคลมากมาย อีกทั้งยังขับไล่ภูตผีปิศาจให้จากไปจากครอบครัวเราได้ด้วย ชาวพุทธมหายานก็เชื่อกันว่าสังข์นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 8 เครื่องมงคลอันเป็นเครื่องแทนพระวรกายของพระพุทธเจ้า โดยกล่าวว่าสังข์นั้นเป็นเครื่องแทนพระเกศาของพระพุทธองค์ และยังเป็นเครื่องแทนพระสุรเสียงแห่งพระธรรมที่พระศาสดาได้ประกาศไว้ให้กึกก้องไปทั่วทุกสารทิศ

จะดูอย่างไรว่าเป็นสังข์เวียนขวาหรือเวียนซ้าย ?

วิธีสังเกตง่ายๆเวลาดู คือ ให้หันด้านที่เป็นจุกม้วนวนเข้าหาตัว หากปากสังข์เปิดทางขวา นั่นคือสังข์เวียนขวา อย่างไรก็ตาม สังข์เวียนขวาตามธรรมชาตินับวันยิ่งหายากขึ้นเรื่อยๆ นักสะสมมือใหม่จึงต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพราะปัจจุบันมักมีการหลอกขาย โดยใช้หอยทะเลชนิดอื่นที่มีเปลือกเวียนขวาตามธรรมชาติ มาหลอกขายว่าเป็นมหาสังข์ เวลาซื้อจึงต้องสังเกตให้ดีๆ โดยของปลอมที่ทำหลอกมาขายนั้น ช่วงปากหอยสังข์จะไม่มีรอยหยักเว้าเป็นร่องๆอย่างที่เรียกกันว่ารอยนิ้วพระนารายณ์ โดยพ่อค้าหัวใสจะอาศัยเทคนิคการกลึงเพื่อตบตา หรือบากร่องให้ดูเหมือนสังข์เวียนขวาของแท้อย่างไรก็ตาม สังข์เวียนซ้ายแม้หาได้ง่ายกว่าสังข์เวียนกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไร้มูลค่า เพราะสำหรับนักนิยมเครื่องรางของขลัง ถึงแม้จะหาสังข์เวียนขวาไม่ได้ แต่ก็ยังมีความเชื่อกันว่าขอเพียงแค่มีสังข์เวียนซ้ายตัวเล็กๆไว้เป็นสมบัติติดตัวก็จะช่วยดึงดูดโชคลาภ วาสนา และความสำเร็จได้เช่นกัน คติความเชื่อเบื้องหลังมูลค่าสังข์

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามูลค่าของสังข์มาจากเบื้องหลังคติความเชื่อความศักดิ์สิทธิ์ของสังข์ในตำนานฮินดู มีเรื่องเล่าขานมาแต่โบร่ำโบราณว่า ครั้งหนึ่งสังข์อสูรได้ขโมยคัมภีร์พระเวทของพระพรหม และได้กลืนลงท้อง ต่อมาพระนารายณ์ได้อาสาไปปราบ และได้แหวกหอยสังข์เอาคัมภีร์พระเวทออกมา และปรากฎปาฏิหาริย์รอยนิ้วของพระนารายณ์บนเปลือกหอย

ในหลายประเทศและหลายเชื้อชาติยังปรากฎเรื่องเล่าของสังข์ที่เป็นเครื่องรางนำความสิริมงคล ทั้งแถบยุโรป ไวกิ้งโบราณ และแถบเอเชีย ตัวอย่างเช่น ชาวฮินดูที่มักพกหอยสังข์ตัวเล็กๆเป็นเครื่องรางที่ช่วยให้ทำการค้าประสบความสำเร็จ ขณะที่ชาวอินเดียเปรียบน้ำสังข์เป็นน้ำที่ประทานจากสวรรค์ช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้ายออกจากชีวิต ส่วนคนไทยนิยมใช้สังข์ในงานมงคล ตั้งแต่เกิดคือพิธีรดน้ำสังข์ประสาทพร ใช้ในงานพิธีแต่งงานของคู่บ่าวสาว หรือพิธีโกนจุก ตัดจุก ที่ใช้สังข์เป็นเครื่องมงคล

ยังมีความเชื่อด้านอื่นๆเกี่ยวกับสังข์ที่เล่าขานต่อๆกันมาว่า การวางหอยสังข์ในห้องสวดมนต์จะช่วยให้เกิดความสบายใจ จิตสงบนิ่ง บ้างก็ว่าหากวางสังข์ไว้ในสถานที่รับแขก จะช่วยดึงดูดสายตา เพิ่มความสดชื่น สร้างความเป็นมิตร และความรู้สึกดีๆต่อกัน รวมไปถึงความเชื่อที่ว่าหากวางสังข์ไว้ในห้องทำงาน จะช่วยทำให้เกิดสมาธิ เกิดจินตนาการคิดช่วยทำให้การวางแผนดีขึ้น

การบูชาสังข์

1.การสวดบูชาบทสวดที่ลงเป็นบทสวดง่ายๆสามารถเข้าใจได้ ที่จะทำให้เราเจริญสติ คือบูชาด้วยสติ ระลึกอยู่เสมอ ว่าควรจะประพฤติปฎิบัติตนเช่นไร

2.การถวายของบูชา สามารถใช้ ใบมะตูม หรือใบกะเพรา หรือ น้ำ หรือ นม หรือ ดอกไม้บูชา ตามความสะดวก สามารถนำสังข์ไปแช่นมเพื่อล้างมนทินตามความเชื่อได้ แต่ควรทำความสะอาดให้ดี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโอกาส ความเอื้ออำนวย ความสะดวกของผู้บูชา

3.ควรเก็บสังข์ไว้ที่ใด? คือการเก็บให้เก็บบูชาในที่ๆเหมาะสม คำว่าเหมาะสมคือ แต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บางบ้านมีหิ้งบูชาก็ตั้งไว้หน้าหิ้ง บ้างบ้านไม่มีก็ตั้งไว้ในจุดที่เราคิดว่าดี บางคนบูชาจี้ก็ห้อยติดคอ หรือบางคนใส่ไว้ในเซฟ บางคนพกไว้ในกระเป๋าสตางค์ ได้หมด ขอให้เหมาะสม

4.เลือกสังข์อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าสังข์เลือกท่าน อันนี้ต้องใช้ใจสัมผัส ท่านลองมาจับดูถ้าใช่ก็คือใช่ ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกมาเลือกเองหรือสั่งซื้อออนไลน์ ตั้งจิตอธิษฐานถึงสังข์ที่จะมาเป็นที่พึ่งของเรา เค้าจะเลือกและมาอยู่กับท่านเอง ไม่ต้องห่วง

5.สังข์เล็กหรือใหญ่อันไหนดี ต้องมีเป่าด้วยไหม หรือ ไม่ต้องเป่า? ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของท่านที่ท่านปราถนา ว่า ท่านใช้อัญเชิญเทพ ท่านเอาเป่า ท่านอยากไว้พกติดตัว ท่านเลือกจี้ หรือสังข์ขนาดย่อมๆ ท่านอยากเก็บไว้บูชาเป็นชุด ท่านเลือกชุดสังข์ เลือกที่เหมาะกับเจตนารมณ์ของท่าน

6.สังข์แม่กำไล หวังประกอบกุล เก็บครอบครองบูชาด้วยความรักความศรัทธา มากว่า30ปี เก็บรวบรวมสังข์มงคล มากกว่า70,000ขอน มหาสังข์ที่แม่กำไล รวบรวมและปล่อยให้เช่าบูชาผ่านมากว่า 100องค์ สังข์คือสิ่งที่แม่กำไลรัก สังข์เลือกแม่กำไลให้เป็นผู้ดูแล เจียรนัยให้วิจิตรงดงาม ก่อนที่จะส่งมอบให้กับเจ้าของตัวจริง เราขอเชิญท่านผู้ที่จะได้ครอบครองสังข์แม่กำไล มาสัมผัสถึงความวิเศษ ที่ท่านเท่านั้นจะรู้กำไล หวังประกอบกุล (มหาสังข์) “หอยตายไปแล้วยังทิ้งเปลือกอันสวยงามไว้ให้โลกได้เชยชม แล้วมนุษย์ละตายไปแล้วจะทิ้งอะไรไว้ให้โลกได้ชมเชย”