พระขรรค์ ศาสตราวุธทรงอานุภาพ
พระขรรค์ เป็นศาสตราวุธชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในสมัยโบราณเพราะใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญหลายพิธีด้วยกัน อาทิ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ฉะนั้นในสมัยโบราณ พระขรรค์จึงถือเป็นศาสตราวุธคู่พระวรกายของพระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองบ้านเมืองที่มีบุญบารมีประดุจเทพเจ้า
เนื่องจากแต่เดิมนั้น เชื่อกันมาว่า พระขรรค์ เป็นศาตราวุธแห่งเทพเจ้า เป็นอาวุธคู่กายที่ใช้ทั้งในด้านการป้องกันสิ่งชั่วร้าย และการดลบันดาลหรือเนรมิตสิ่งต่างๆได้ตามบุญบารมีของผู้ครอบครอง จะเห็นว่า พระขรรค์ มักปรากฏในวรรณคดี โดยเฉพาะใน รูปเทวดาต่างๆที่ทรงพระขรรค์อย่างสวยงามและน่าเกรงขาม พระขรรค์ จึงเป็นศาสตราวุธที่มีบทบาทอย่างมากในสมัยโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ เพราะมีการสร้างพระขรรค์ ซึ่งเป็นวัตถุมงคลจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงศีล ลงอักขระเลขยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระขรรค์ ปลุกเสกอธิษฐานจิตกำกับด้วยคาถาอาคม จนพระขรรค์มีอานุภาพ ซึ่งส่วนมากจะใช้ในอานุภาพด้านการป้องกันภูติผีปีศาจ มนต์ดำ อาถรรพ์ร้าย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอัปมงคลทั้งปวง
สำหรับลักษณะของพระขรรค์ที่ปรากฏโดยทั่วไป จะคล้ายคลึงกับดาบ แต่จะมีความแตกต่างตรงที่พระขรรค์จะปรากฎคมอยู่สองด้าน ตรงกลางมีลักษณะคอดอย่างเห็นได้ชัด และมีอักขระเลขยันต์ปรากฎอย่างชัดเจน
ส่วนวัสดุที่ใช้นำมาสร้างเป็นพระขรรค์ ก็ขึ้นอยู่กับยุคสมัย ความนิยม หรือการสร้างของสำนักต่างๆ เช่น อาจจะใช้เหล็กน้ำพี้ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองอยู่แล้วมาสร้างเป็นพระขรรค์ นำมาปลุกเสกจนเกิดอานุภาพที่มากขึ้นได้
สำหรับพระขรรค์ที่โด่งดังที่สุด ซึ่งปรากฏในตำนานก็คือ พระขรรค์โสฬส ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พระเถราจารย์ในตำนานผู้ทรงอภิญญาได้สร้างขึ้นมาเพื่อถวายแด่กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ โดยมีการทำพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
ส่วนพระขรรค์ที่สร้างขึ้นในปัจจุบันจากพระเกจิอาจารย์ต่างๆนั้นก็จะมีลักษณะเฉพาะตัว เช่น พระขรรค์นาคราช หลวงปู่ชวน กตปุญโญ วัดเขาแก้ว จ.อ่างทอง ที่มีด้ามเป็นเศียรพญานาคอย่างสวยงาม เป็นต้น
ปัจจุบันพระขรรค์ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการสร้างเป็นวัตถุมงคลจากพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงศีล ลงอักขระเลขยันต์ปลุกเสกอธิษฐานจิตให้เกิดอานุภาพ โดยลักษณะของพระขรรค์ที่ปรากฏโดยทั่วไป จะคล้ายคลึงกับดาบ แต่จะมีความแตกต่างตรงที่พระขรรค์จะปรากฎคมอยู่สองด้าน ตรงกลางมีลักษณะคอดอย่างเห็นได้ชัด และมีอักขระเลขยันต์ปรากฎอย่างชัดเจน ส่วนวัสดุที่ใช้นำมาสร้างเป็นพระขรรค์ ก็ขึ้นอยู่กับยุคสมัย ความนิยม หรือการสร้างของสำนักต่างๆ เช่น อาจจะใช้เหล็กน้ำพี้ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองอยู่แล้วมาสร้างเป็นพระขรรค์ นำมาปลุกเสกจนเกิดอานุภาพที่มากขึ้นได้
สำหรับ “ท้าวเวสสุวรรณ” นั้น ผู้ที่สนใจในวัตถุมงคลคงจะทราบกันเป็นอย่างดี เพราะท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 หน้าที่โดยทั่วไปของท้าวเวสสุวรรณคือ การดูแลปกครองบริวารของท่าน ไม่ว่าจะเป็นภูติผีปีศาจ ให้อยู่ในความสงบ ไม่ให้มารบกวนมนุษย์ ในสมัยก่อนจึงนิยมติดยันต์ท้าวเวสสุวรรณที่หน้าประตูบ้าน เพื่อมิให้ภูตผีปีศาจมารบกวน โดยรูปลักษณ์ของท้าวเวสสุวรรณที่คุ้นเคยกันดี คือ รูปปั้นยักษ์ที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ ถือตะบอง ดูน่าเกรงขาม เป็นที่เกรงกลัวของภูตผีปีศาจทั้งหลาย
ด้วยความนิยมทั้ง พระขรรค์และท้าวเวสสุวรรณ ในปัจจุบันจึงได้มีการจัดสร้างศาสตราวุธ “พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณ” โดยในส่วนด้ามของพระขรรค์สลักเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณปรากฏอยู่อย่างเด่นชัด โดยอุปเท่ห์ในการใช้พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณก็คือ สามารถใช้แขวนไว้หน้าบ้านเพื่อป้องกันภูติปีศาจได้ หรือวางไว้บนหัวนอนหากฝันร้าย หรือป้องกันไม่ให้ภูตผี คุณไสยมนต์ดำมารังควาญ หรือใช้อาราธนาเพื่อทำน้ำมนต์ไล่เสนียดจัญไร ล้างอาถรรพ์ร้ายได้
โดยการอธิษฐานขอบารมีครูบาอาจารย์ผู้สร้างพระขรรค์และขอบารมีท้าวเวสสุวรรณ ให้ช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีต่างๆออกไป ฉะนั้นทั้งอานุภาพของพระขรรค์ที่มีมาแต่เดิม กับ บารมีแห่งองค์ท้าวเวสสุวรรณ จึงทำให้สิ่งชั่วร้ายต่างๆไม่อาจเข้ามากล้ำกลายได้ หรือหากเข้ามาแล้วก็ใช้พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณปัดเป่าให้ออกไปได้เช่นกัน
พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณ ที่ยอมรับนับถือกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน เช่น พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณที่สร้างโดย หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง , พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อจืด สวนปฏิบัติธรรมโพธิเศรษฐี จ.นครปฐม, พระขรรค์ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาสวิปัสสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น