การกำเนิดของพระราหู

187

การกำเนิดของพระราหูนั้น มีอยู่สองตำนาน ตามตำรับของอินเดียอันเป็นตำนานเก่าแก่ ได้กล่าวไว้ว่า พระศิวะมหาเทพ ทรงเป็นผู้สร้างทั้งโลก ทั้งจักรราศี และปวงเทพทั้งหลาย รวมถึงเทพนพเคราะห์ทั้งเก้าพระองค์ด้วย พระราหูท่านก็เป็น “เทพ” องค์หนึ่งในเก้าองค์นั้น ตอนพระศิวะมหาเทพสร้างท่านขึ้นมาจากหัวผีโขมด 12 หัวนั้น พระองค์เล็งเห็นว่า “ยักษ์” ผู้ดูแลด่านสวรรค์ขึ้นกลางนั้นได้หมั่นกราบไหว้บูชารำลึกถึงพระองค์อยู่มิได้ขาด

จนพระองค์ทรงประธานให้ยักษ์ทั้งปวงเสมอมา จนเป็นที่ยอมรับทั้งสามโลกว่า ยักษ์อยู่ในความคุ้มครองดูแลของพระองค์ เมื่อทรงสร้างเทพให้มีหน้าที่ดูแลจักรราศีทั้งสิบสองนักษัตรนั้น แต่ละองค์ล้วนหล่อเหลารูปร่างสะโอดสะองค์ทั้งสิ้น ไม่มีเค้าโครงของยักษ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเด็กของพระองค์เลยแม้สักองค์เดียว ด้วยทรงมีพระเมตตาเกรงว่าบรรดาเหล่ายักษ์จะน้อยใจ เพราะไม่มีเอกลักษณ์ของยักษ์ในจักรราศีกับเขามั่งเลย

จึงตัดสินพระทัยปั้นหัวผีโขมดทั้ง 12 ให้เป็นเอกลักษณ์ของยักษ์สักหนึ่งองค์ ก็ไม่รู้สว่าเป็นบุญหรือกรรมของพระราหูกันแน่ เพราะยักษ์มีเรือนกายสูงใหญ่กว่าเทวดาหลายเท่านัก หัวโขมดทั้ง 12 ที่ตากแห้งแล้วโขลกจนเป็นผงประพรมด้วยน้ำอมฤตที่ทรงสร้างขึ้นเอง เพื่อให้เทพที่สร้างเป็นอมตะ คือ ไม่เจ็บป่วย ไม่ชราภาพ ไม่มีการจุติ (ตาย) เหมือนเทวดาและนางฟ้าอื่นๆ มีใครเคยได้ยินว่า เทพนพเคราะห์องค์ไหน ลาป่วย เกษียณอายุ แล้วก็ถึงแก่อนิจกรรมมั่งไหมล่ะ ?

เพราะเทพนพเคราะห์ทุกพระองค์ล้วนผ่านการประพรมน้ำอมฤตที่พระศิวะมหาเทพทรงปลุกเสกขึ้นมาด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น ขนาดพระอาทิตย์ถูกระอังคารสับด้วยพระขรรค์จนเศียรแบะเป็นเสี่ยงๆ ยังไม่บาดเจ็บถึงจุติเลย แถมยังเอาจักรเพชรร่อยไปตัดขาขวาพระอังคารขาดจนได้อีกด้วย ก็เพราะเทพนพเคราะห์ทุกพระองค์ ไม่มีวันแก่ ไม่มีวันเจ็บ ไม่มีวันตาย นี่และ ทำให้เทวดาและนางฟ้าทั้งหลายอายเป็นมั่ง จึงชวนกันไปจับพญานาคมาพันรอบเขาพระสุเมรุ เพื่อกวนเกษียรสมุทรเพื่อไว้ดื่มให้เป็นอมตะมั่ง

แต่น้ำอมฤตที่ช่วยกันกวนนี้มีผลดี ข้างเคียง คือ เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว ต่อให้แก่งั่กผมก็ขาวโพลน เหาะไม่ตรงทางแล้วก็กลับกลายเป็นหนุ่มสาวขึ้นใหม่ แถมได้ความหล่อความสวย หุ่นดีขึ้นอีกด้วย

หัวผีโขมดทั้ง 12 หัวปั้นเป็นยักษ์ จึงปั้นได้แค่ครึ่งตัว ครั้งจะเด็ดหัวผีโขมดมาเพิ่มอีกก็ไม่รู้มันมุดหนีหายหัวไปไหนหมด งานนี้เอาพระศิวะมหาเทพถึงกับทรงประทับนั่งกุมขมับไปพักใหญ่ มองไปมองมาทรงเหลือบพระเนตรไปเห็นนางพญานาคเด็กของท่านท้าวมหาพรหมไล่ฟัดกันอย่างสนุกสนาน ผ่านมา 9 ตัว จึงทรงคว้ามาขยำ ๆ รวมกัน แล้วนำไปเสียบต่อที่กลางตัวยักษ์ เป่าพระคาถาใส่ พระราหูจึง ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อแรกกำเนิดพระราหูทรงมีเรือนกายเป็นสัมฤทธิ์

มีทองคำ 100% เหลืองอร่ามอยู่เป็นแห่ง ๆ พระศิวะมหาเทพทรงทอดพระเนตรแล้วทรงเห็นว่าไม่สวยงาม จึงชักผ้าพันพระศอมาขัดถูไปทั่วกายของพระราหู (มีเทพนพเคราะห์ 2 องค์เท่านั้นที่ได้สัมผัสผ้าพันพระศอของพระศิวะอีกองค์ คือ พระเสาร์) ยิ่งขัดก็ยิ่งดำ ท่านเลยเลิกขัด แต่กระนั้นยังทรงนำทองคำมาทำเป็นภูษาผ้าทรงให้พระราหูสวมใส่ และด้วยพระเมตตาที่ทางสร้างพระราหูให้มีเรือนร่างพิกล

จึงพระราชทานพระขรรค์ชัยให้เป็นอาวุธคู่พระหัตถ์ พระราชทานพระให้ว่า “หากยามใดที่เจ้ามีจิตใจผ่องใส มีกุศลกรรมเป็นที่ตั้ง ยามนั้นให้เรือนกายและใบหน้าของเจ้ากลับกลายเป็นเทพบุตรสุดสง่า มีฤทธานุภาพที่สูงส่งไม่มีผู้ใดต้านทานได้” แล้วทานก็จับพญาครุตดำมาให้พระราหูขี่ท่องเที่ยวไปในจักรวาล(ครุฑของพระนารายณ์เป็นครุฑแดง ครุฑของพระราหูเป็นครุฑดำ มีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังทั้งคู่

เมื่อพระพุทธเจ้าขึ้นไปโปรดพุทธมารดา พระราหูมีดวงจิตที่ผ่องใส มีกุศลที่ต้องการสดับพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์ เรือยกายของพระราหูกลายเป็นเทพบุตรสุดสง่า เมื่อสดับพระธรรมมเทศนาไปถึงตอนที่ว่า “นักขัตตะยักขาภูตานัง ปาปัคคะหะนิวาระณา ปริตตัสสานุภาเวนะ หันตวา เตสัง อุปัททะเว” (ความป้องกันบาปเคราะห์ทั้งหลาย อันเกิดแก่นักษัตร ยักษ์ และภูติที่มีขึ้นแล้ว ด้วยอานุภาพแห่งพระปริตร จงกำจัดเสียชึ่งบาปเคราะห์เหล่านั้น) โดนใจพระราหูสุดๆ จนเผลออุทานออกมาว่า “นะโม ตัสส” (ขอนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า)

เมื่อได้ฟัง “โอวาทปาฏิโมกขาทิปาฐะ” จบลง พระราหูท่านถึงกับมีดวงตาเห็นธรรม เกิดความเบื่อหน่ายในภพ ชาติ ชรา พยาธิ เกิด มรณานุสติขึ้นในดวงจิต แม้ท่านจะเป็นเทพอมตะ แต่เมื่อสดับพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์หลายบทเข้า ท่านจึงกำหนดดวงจิตที่จะจุติ เพื่อบำเพ็ญโพธิสัตว์บารมีให้สำเร็จ รอการมาบำเพ็ญโพธิญาณบารมีเพื่อการตรัสรู้เป็นเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลต่อไป

พระเดชพระคุณ พระพหรมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตร ท่านเข้าใจเรื่องพระราหูตอนเป็นเทพบุตรได้ดี ท่านจึงสร้างพระราหูหน้าเทพขึ้นมาให้สาธุชนได้กราบไหว้บูชา หาศิริมงคลความเจริญรุ่งเรือง ความผาสุกอันยาวนานให้แก่ชีวิต ด้วยการขอบารมีจากพระราหูท่านกลับกลายร่างเป็นเทพ เพียงระวังของไหว้ ไม่ควรใช้สุรากุ้งพล่าปลายำอีกแล้ว เปลี่ยนเป็นส้มสุกลูกไม้อาหารทั่วไปแทน