การเลือกใช้น้ำมันพืชในครัวเรือนไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติให้อาหาร แต่ยังสามารถส่งผลต่อสุขภาพได้ในระยะยาว น้ำมันพืชมีหลายประเภทและแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับวิธีการทำอาหารที่แตกต่างกัน รวมถึงสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ วันนี้เราจะพาคุณไปดูน้ำมันพืชที่ดีต่อสุขภาพ พร้อมทั้งเคล็ดลับในการเลือกใช้อย่างถูกต้อง
1. น้ำมันมะกอก (Olive Oil)
ช้อปเลย
น้ำมันมะกอกเป็นหนึ่งในน้ำมันพืชที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) สูง ซึ่งช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล และวิตามินอี ซึ่งช่วยป้องกันการอักเสบของเซลล์ในร่างกายและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
เคล็ดลับการใช้
- น้ำมันมะกอกแบบ Extra Virgin เหมาะกับการทำน้ำสลัดหรือการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนต่ำ
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันมะกอกในอาหารทอดที่ต้องการความร้อนสูง เพราะจะทำให้เสียคุณประโยชน์และอาจเกิดสารอันตราย
2. น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)
ช้อปเลย
น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวปานกลาง (MCTs) ที่ย่อยง่ายและนำพลังงานมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมพลังงานหรือควบคุมน้ำหนัก น้ำมันมะพร้าวยังมีกรดลอริก (Lauric Acid) ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
เคล็ดลับการใช้
- น้ำมันมะพร้าวเหมาะสำหรับการทำอาหารอบ ทอด และผัดที่ต้องใช้ความร้อนปานกลางถึงสูง
- ควรใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ
3. น้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil)
น้ำมันอะโวคาโดมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่สูง และยังอุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้ยังมีจุดเดือดสูง (Smoke Point) เหมาะสำหรับการปรุงอาหารหลายรูปแบบ
เคล็ดลับการใช้
- เหมาะสำหรับการทอดและผัด เนื่องจากทนความร้อนได้ดี
- ใช้ทำสลัดและการปรุงอาหารเย็นได้ดีเพื่อให้ได้สารอาหารที่เต็มที่
4. น้ำมันเมล็ดชา (Tea Seed Oil)
น้ำมันเมล็ดชามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) สูง โดยเฉพาะโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและส่งเสริมระบบการทำงานของหัวใจ
เคล็ดลับการใช้
- ใช้สำหรับการผัดหรือทอดในอุณหภูมิต่ำ-ปานกลาง
- สามารถใช้ในน้ำสลัดได้ โดยจะให้รสชาติที่นุ่มนวลและกลิ่นหอมเบา ๆ
5. น้ำมันดอกคำฝอย (Safflower Oil) หรือน้ำมันคาโนล่า (Canola Oil)
ช้อปเลย
น้ำมันดอกคำฝอยมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง โดยเฉพาะโอเมก้า-6 ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากโอเมก้า-6 ควรอยู่ในสัดส่วนที่สมดุลกับโอเมก้า-3 และน้ำมันคาโนลาอุดมไปด้วยวิตามินอีและเค และมีโอเมก้า 6 มากกว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ถึงสองเท่า
เคล็ดลับการใช้
- เหมาะสำหรับการผัด ต้ม หรือทอด เนื่องจากมีจุดเดือดสูง
- ควรใช้ควบคู่กับอาหารที่มีโอเมก้า-3 เพื่อให้เกิดความสมดุล
6. น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil)
น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์เป็นแหล่งของโอเมก้า-3 ที่มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะกรดไขมันอัลฟา-ไลโนเลนิก (ALA) ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกายและมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ
เคล็ดลับการใช้
- ไม่ควรใช้ปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง เพราะจะทำให้สารอาหารเสียหาย
- เหมาะสำหรับการทำน้ำสลัดหรือการใช้ในอาหารเย็น
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อน้ำมันพืชเพื่อสุขภาพ
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อน้ำมันพืชเพื่อสุขภาพ
- เลือกน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว: น้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนมีแนวโน้มที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและคอเลสเตอรอล
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันซ้ำ: การใช้น้ำมันซ้ำหลายครั้งโดยเฉพาะในอาหารทอดอาจทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- พิจารณาปริมาณการใช้น้ำมัน: การใช้น้ำมันพืชควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ควรใช้น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูงเป็นประจำ