หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท

709

“หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท” แห่งสวนสงฆ์แกแปะ วัดโพธิ์ศรีสะอาด ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 
พระเกจิเรืองวิทยาคมอีกรูปหนึ่งแห่งภาคอีสาน มีวัตรปฏิบัติดี สมถะ เรียบง่าย เสมอต้นเสมอปลาย ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนมากมาย
นามเดิมของท่านคือ “ศิลา นิลจันทร์” เกิดเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2488 ที่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เป็นบุตรของ นายแก่น และ นางน้อย นิลจันทร์ ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา
หลังจบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนในหมู่บ้าน ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนา แต่ด้วยความเป็นผู้มีจิตใจใฝ่ทางธรรม 
อายุ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดธาตุประทับ และจนเมื่ออายุครบบวช พ.ศ.2509 เข้าพิธีอุปสมบท ที่พระอุโบสถวัดบูรพาภิราม จ.ร้อยเอ็ด โดยพระสิริวุฒิเมธี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ดในขณะนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ มุมานะศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ และสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค
ด้วยความที่เป็นพระที่มีความรู้ จึงได้รับหน้าที่เป็นครูพระอาจารย์สอนที่ ร.ร.วัดนิคมคณาราม จ.ร้อยเอ็ด อีกทั้งยังรับหน้าที่เป็นพระที่สวดปาฏิโมกข์ในการลงอุโบสถของคณะสงฆ์ตลอดมา

นอกจากมีความแตกฉานด้านพระปริยัติ ยามว่างจากวัตรปฏิบัติประจำ ยังออกธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาในหลายจังหวัด 
และในปี พ.ศ.2517 เดินธุดงค์ข้ามแม่น้ำโขง ไปยังภูเขาควาย ประเทศ สปป.ลาว พบกับครูบาอาจารย์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังภาคอีสานหลายรูป อาทิ หลวงปู่ทองมา ถาวโร, หลวงพ่อมหาบุญมี สิรินธโร, หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นต้น
และท่านได้ยังร่ำเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน อักษรธรรมลาว และอ่านหนังสือจากใบลานอีสาน รวมทั้งศึกษาคัมภีร์ใบลานสายสำเร็จลุน อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง สปป.ลาว จนแตกฉาน
ช่วงราวปี พ.ศ.2525 หลวงปู่จำพรรษาที่วัดสันติวิหาร อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ร่วมกับหลวงพ่อสมาน ธัมมรักขิโต พัฒนาศาสนสถานวัดจนเจริญรุ่งเรือง
แต่ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีนิสัยสันโดษ เรียบง่าย สมถะ จึงได้ออกมาปฏิบัติภาวนารูปเดียวที่ถ้ำบ้านโดนเดื่อ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด
จนถึงปี พ.ศ.2539 ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดธาตุประทับ จ.ร้อยเอ็ด
ด้วยอุปนิสัยมีเมตตา ไม่เฉพาะต่อมนุษย์เท่านั้น แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน อย่างแมวที่อาศัยอยู่บนกุฏิท่านหลายตัว เวลาท่านไปกิจนิมนต์ไม่อยู่วัด จะให้ลูกศิษย์ดูแลให้อาหารไม่ให้แมวเหล่านั้นอดอยาก
จากการที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพุทธาคมจึงได้รับนิมนต์ไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกงานทั่วภาคอีสาน รวมทั้งงานใหญ่ระดับประเทศ อาทิ งานพุทธาภิเษกพระกริ่งวัดสุทัศน์ เป็นต้น
ด้วยความที่ชมชอบความสันโดษจึงธุดงค์ไปจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ตามป่าเขาซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบหลายแห่ง อาทิ ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ป่าช้าในพื้นที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ป่าช้าร้างบ้านม่วงมา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ เป็นต้น
พ.ศ.2560 เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาด บ้านแกแปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กราบนิมนต์ท่านมาจำพรรษาที่วัด เนื่องจากเห็นว่าอายุมาก
คณะศิษย์ร่วมกันสร้างกุฏิถวาย และจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่สวนสงฆ์แห่งนี้ ตราบจนปัจจุบัน
ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกพื้นที่ อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพุทธมนต์เสริมสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย
สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาค นำไปบริจาคพัฒนาให้กับวัดต่างๆ หลายแห่ง ให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาของชาติ ให้การอุปถัมภ์โรงเรียนในพื้นที่หลายแห่ง อาทิ ร.ร.บ้านธาตุประทับ จ.ร้อยเอ็ด, ร.ร.เหล่านาแกวิทยา และร.ร.แกเปะราชนิยม จ.กาฬสินธุ์ เป็นต้น
ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยม เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือมีความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการี ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ร่วมโลก และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ

Cr.KhaosodOnline