หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

188

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายของ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ท่านกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ท่านมีนามเดิมว่า พุธ อินทรหา ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 ณ หมู่บ้านชนบท ต.หนองหญ้าเซ้ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี เป็นบุตรคนเดียวของบิดามารดา ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ ในช่วงอายุได้ 4 ขวบ บิดามารดาได้ถึงแก่กรรม ท่านจึงย้ายมาอยู่กับญาติพี่น้องที่ หมู่บ้านโคกพุทรา ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

อุปสมบท

ในช่วงวัยเยาว์ ท่านได้ออกศึกษาหาความรู้ ในโรงเรียนประชาบาลวัดไทรทอง ท่านได้เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จึงได้ลาออกมาแล้วบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2479 เมื่อมีอายุได้ 15 ปี ที่วัดอินทรสุวรรณ ซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านโคกพุทรา ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

เรียนรู้ธรรม

หลังจากบรรพชาแล้ว ท่านก็อาศัยอยู่กับท่านพระครูโพธิภูมิไพโรจน์ ท่านได้รับเมตตา จากพระอาจารย์ให้ได้ศึกษาทางด้านปริยัติธรรมด้วย และในพรรษาแรกนี้เอง สามเณรพุธสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี และเริ่มรับการฝึกอบรมด้านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จากท่านพระอาจารย์เสาร์เป็นครั้งแรก ต่อมาในปี พ.ศ.2483 ท่านพระอาจารย์เสาร์ ได้พาหลวงพ่อไปฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านเจ้าคุณพระปัญญาพิศาลเถระ ณ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งหลวงพ่อได้จำพรรษาเรื่อยมาจนอายุครบบวช 21 ปี จึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2485

ณ วัดแห่งนี้ หลวงพ่อได้ปฏิบัติศาสนกิจช่วยงานพระศาสนาตลอดมา และในช่วงสงครามเอเซียบูรพา ท่านได้อพยพ กลับไปจำพรรษาที่วัดบูรพา จ.อุบลราชธานี และท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนั้นจนถึงปี พ.ศ. 2489 ระหว่างนั้น ท่านได้อาพาธอย่างหนักด้วยวัณโรค มีหมอมารักษาตั้งหลายคน แต่แล้วก็สู้ไม่ไหว ต่อมาท่านได้พบกับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และหลวงปู่ฝั้นก็ได้ช่วยรักษาโดยการให้ตั้งใจเพ่งอาการ 32 โดยให้พิจารณาถึงความตายให้มากที่สุด ไม่ต้องพิจารณาเรื่องอื่น

หลวงพ่อพุธทำตามอุบายของหลวงปู่ฝั้นทันที แรก ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พอพิจารณาหนักเข้า ๆ ปรากฏว่ามีผลมาก ท่านใช้เวลารักษาตัวอยู่ประมาณ 10 ปี โรคร้ายจึงหายขาด พอหายจากป่วยไข้ไม่นาน ก็ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลการงานเกี่ยวกับคณะสงฆ์ตามลำดับดังนี้

  • ผู้ช่วยเจ้าคณะอำเภอวารินชำราบ เมื่อ พ.ศ. 2495
  • เจ้าอาวาสวัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ พ.ศ. 2496
  • เจ้าคณะอำเภอวารินชำราบ เมื่อ พ.ศ. 2500
  • เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ พ.ศ. 2511
  • เจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2513

และในปี พ.ศ. 2535 ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น “พระราชสังวรญาณ”