กราบขอพร “หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม” วัดสะพานสูง

23

หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม แห่งวัดสะพานสูง ถือเป็นหนึ่งในพระเกจิที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย ท่านเป็นที่เคารพนับถือในวงการพระเครื่องและผู้ที่สนใจในด้านศาสนา ด้วยมีนิสัยตั้งใจศึกษาพระธรรม พระปริยัติธรรม สมาธิ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และการรักษาศีลอย่างเคร่งครัด 

หลวงปู่เอี่ยมได้รับการยกย่องว่าเป็นพระผู้ทรงคุณธรรมและมีเมตตาธรรมสูง ท่านได้บำเพ็ญเพียรและปฏิบัติธรรมที่วัดสะพานสูง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านได้สร้างและปรับปรุงวัดจนเป็นศูนย์กลางศาสนาของชุมชน วัดสะพานสูงตั้งอยู่ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นสถานที่ที่มีความเงียบสงบและเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจของผู้คนมากมาย

ความเชื่อและศรัทธาต่อหลวงปู่เอี่ยม

ศรัทธาต่อหลวงปู่เอี่ยมนั้น หลายคนเชื่อว่าท่านเป็นพระผู้มีญาณอันลึกซึ้งและสามารถคุ้มครองให้ชีวิตปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ บางคนเคารพนับถือท่านในเรื่องการค้าขายให้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน ท่านถือเป็นพระเกจิที่ช่วยเสริมบารมีให้กับผู้คนที่มีความตั้งใจทำความดี ครื่องรางและพระเครื่องของหลวงปู่เอี่ยมก็เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหรียญหลวงปู่เอี่ยม ซึ่งเชื่อว่ามีพลังในการป้องกันภัย แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ซึ่งการบูชาเหรียญหลวงปู่เอี่ยมนั้นถูกกล่าวถึงไว้ว่า “ผู้สวมใส่จะมั่นใจและได้รับพรจากท่าน”

ตำนานเล่าขานตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลอันลือลั่น

เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่หลวงปู่เอี่ยม ได้ธุดงค์ไปทางแถบประเทศเขมร ซึ่งทำให้ได้พบกับชีปะขาวชาวเขมรท่านหนึ่งชื่อว่า “จันทร์” หลวงปู่เอี่ยมจึงได้ร่ำเรียนวิชาอิทธิเวทย์ จากท่านอาจารย์ผู้นี้อยู่หลายปี จนกระทั่ง ชาวบ้านนึกว่าท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้ว เนื่องจากหลวงปู่เอี่ยมไม่ได้กลับมาที่วัดเป็นระยะเวลาหลายปี ดังนั้น จึงได้ทำสังฆทานแผ่ส่วนกุศลไปให้ท่าน ทำให้หลวงปู่เอี่ยมทราบในญาณของท่านเอง จึงได้เดินทางกลับมายังวัดสะพานสูง

การไปธุดงค์ครั้งนี้ มีระยะเป็นเวลานานและอยู่ในป่า จึงปรากฏว่าท่านหลวงปู่เอี่ยมไม่ได้ปลงผม ผมจึงยาวถึงบั้นเอว จีวรขาดรุ่งริ่ง หนวดยาวเฟิ้ม พร้อมมีสัตว์ป่าติดตามหลวงปู่เอี่ยมมาด้วย อาทิ หมี เสือ และงูจงอาง ฯลฯ

โดยจากการเจริญกรรมฐานในครั้งนี้ จึงทำให้หลวงปู่เอี่ยมสำเร็จ “โสรฬ” ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่ามีต้นตะเคียนต้นหนึ่งตกน้ำมันและดุร้ายมาก เป็นที่เกรงกลัวแก่ชาวบ้านแถบนั้น แต่เมื่อหลวงปู่เอี่ยมท่านยืนเพ่งอยู่ 3 วัน เท่านั้นแหละ ต้นตะเคียนก็ค่อยๆ เฉาและยืนต้นตาย หลวงปู่เอี่ยมเป็นพระผู้มีอาคมขมัง วาจาสิทธิ์ มักน้อยและถือสันโดษ พร้อมเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้สร้างถาวรวัตถุที่ได้เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้คือพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ พระเจดีย์ นี่จึงเป็นที่มาของการสร้างพระปิดตาและตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลอันลือลั่นนั่นเอง

บทสวดกราบขอพรหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม

“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ” (ท่อง 3 จบ)

“สะธะ พะลิมะนะวะทะ ภะทะวา นะอังเมติ พะสันตะ ปุระติ กัมมะ พะลิยะนัง เมตตา
สัมปันนะพุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ” (ท่อง 3 จบ)

คำแปลบทสวด

“ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้นเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้รู้แจ้งและตื่นเต็มที่”

“ความศรัทธาจากข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ขอให้เมตตานำทางให้ข้าพเจ้าประสบผลสำเร็จในกรรมที่ข้าพเจ้ากระทำ ขอให้พุทธานุภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และบารมีของหลวงปู่เอี่ยมจงคุ้มครองข้าพเจ้าในทุกก้าวย่าง”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลวงปู่เอี่ยมจะมรณภาพด้วยโรคชรา นายหรุ่น แจ้งมา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดคอยอยู่ปรนนิบัติท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ขอร้องท่านว่า “ท่านอาจารย์มีอาการเต็มที่แล้ว ถ้าท่านมีอะไรก็กรุณาได้สั่งและให้ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย” ซึ่งท่านหลวงปู่เอี่ยมก็ตอบว่า

“เมื่อมีเหตุ ทุกข์ สุข อันใด ให้นึกถึงและเอ่ยชื่อฉันก็แล้วกัน”